แนะวิธีดูแลรักษาที่นอนอย่างไรให้ไร้ไรฝุ่น 

เฟอร์นิเจอร์ในบ้านที่เราทุกคนล้วนแต่ใช้เวลากับมันมากที่สุดในบ้าน หนีไม่พ้นคือ ที่นอน เพราะเรามักจะใช้เวลานอนอยู่บนที่นอนไม่ต่ำกว่า 5-6 ชั่วโมง ยิ่งถ้าเป็นการนอนในวันหยุดแบบไร้เสียงปลุกหลังเหน็ดเหนื่อยมากับงานหนักตลอดสัปดาห์ การนอนบนที่นอนนุ่ม ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนอนเกลือกกลิ้งบนที่นอน 3.5 ฟุต ที่นอน 5 ฟุต หรือที่นอน 6 ฟุต แต่ถ้านอนแล้วไม่สบายตัว นอนแล้วเกิดอาการคันยุกยิก อาจเกิดจากที่นอนกำลังโดนตัวไรบุก เนื่องจากที่นอนสกปรก หรือไม่ได้ซักผ้าปูที่นอน 

ไรฝุ่น ภัยเงียบ ใกล้ตัวกว่าที่คิด 

ไรฝุ่น คือ สัตว์จำพวกแมงตระกูลเดียวกับเห็บและแมงมุม แต่ไรฝุ่น (Dust Mites) มีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อยู่ได้ทุกสภาพอากาศ แต่จะชอบอาศัยอยู่ในที่มืดและอับชื้น หรือที่มีอุณหภูมิประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะวัสดุที่เป็นเส้นใยให้มันสามารถเกาะอาศัยได้ เช่น หมอน ผ้าห่ม พรม และวัสดุแทบทุกชนิด และอาศัยเซลล์ที่ตายและหลุดร่วงของมนุษย์เป็นอาหาร เนื่องจากตัวของไรฝุ่นมีขนาดเล็กมาก ๆ มันจึงอาศัยอยู่บนวัสดุทั่วไปโดยที่เราไม่รู้เลยว่า อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน หรือแม้กระทั่งพื้นบ้าน มีตัวไรฝุ่นอาศัยอยู่หรือเปล่า  

และบริเวณที่ไรฝุ่นโปรดปรานใช้เป็นที่อาศัย คือ ที่นอนและเครื่องนอนที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนั่นเอง เคยสังเกตอาการคันจมูกยุกยิก ๆ หรือ นอนบนที่นอนแล้วระคายเคือง หรือ คันตามเนื้อตัวบ้างไหม? รู้หรือไม่ว่า หมอนที่มีอายุการใช้งาน 3-5 ปี ขึ้นไป มักจะมีไรฝุ่นและมูลไรฝุ่นจำนวนมากเป็นหลักล้านตัวเลยล่ะ เพียงแค่ฝุ่น 1 กรัม ก็มีไรฝุ่นประมาณ 300-500 ตัวแล้ว แต่สิ่งที่ส่งผลเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราตรงกลับไม่ใช่ตัวไรฝุ่น แต่กลับเป็น มูลไรฝุ่น คือ สาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคหืดหอบ โรคจมูกอักเสบ โรคผื่นแพ้ และ เยื่อบุตาอักเสบ ด้วยเหตุนี้จึงต้องกำจัดไรฝุ่นเพื่อปกป้องสุขภาพ โดยเรามี 5 วิธีดูแลที่นอนให้ปลอดภัยไร้ไรฝุ่น รวมไปถึงเคล็ดลับซักผ้าปูที่นอนให้หอมฟุ้ง ไม่มีไรฝุ่นมากวนใจ 

1. ให้แสงแดดส่องเข้าถึงบริเวณที่นอน หมั่นเอาที่นอนไปตากแดด 

ไรฝุ่นไม่ชอบแสงแดดเป็นอย่างมาก การเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อให้แสงแดดส่องเข้าบ้าน ยิ่งส่องโดนบริเวณที่นอนได้ยิ่งดี หมั่นนำฟูกนอน เบาะ พรม ผ้าห่ม (ที่ซักไม่ได้) ไปตากแดดแรง ๆ  แสงแดดบ้านเราที่ร้อนระอุนี่ล่ะ จะช่วยฆ่าไรฝุ่นและไข่ไรฝุ่นได้เป็นอย่างดี

2. หมั่นซักอุปกรณ์เครื่องนอน (ที่ซักได้) โดย รีดผ้าฆ่าไรฝุ่นให้เรียบก่อนนำไปซัก

ควรนำปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้านวม และ ผ้าปูที่นอน ซักอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง และควรเลือกซื้อหมอนกันไรฝุ่น รวมไปถึงการเลือกซื้อผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และที่นอนกันไรฝุ่นมาใช้ 

วิธีซักผ้าปูที่นอนให้หอมฟุ้งและปลอดไรฝุ่นสามารถซักได้ 2 แบบด้วยกัน คือ  

น้ำเย็น หรือ น้ำอุณหภูมิห้อง

  1. รีดผ้าด้วยเตารีด เพื่อทำให้ไรฝุ่นตาย ก่อนนำไปซัก 
  2. นำผงซักฟอกผสมน้ำเย็น 
  3. นำผ้าปูที่นอนลงไปซัก
  4. ล้างน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง 
  5. ตากแดดจัดให้แห้ง 
  6. รีดผ้าหรือไม่รีดก็ได้ 
  7. สะบัดผ้าอีกครั้งก่อนนำไปปูเตียงหรือพับเก็บ 

น้ำร้อน การซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาฯ ช่วยกำจัดไรฝุ่นได้ หรือ 

  1. รีดผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ด้วยเตารีดก่อนนำไปซัก 
  2. น้ำผ้าแช่ในน้ำเดือดที่อุณหภูมิ 100 องศาฯ 
  3. แช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที 
  4. ซักผ้าด้วยการขยี้ผ้าปูที่นอนตามปกติ 
  5. ล้างด้วยน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง 
  6. ตากแดดจัดให้แห้ง 
  7. รีดผ้าด้วยความร้อนสูง 
  8. สะบัดผ้าหลังจากรีดเสร็จ

*ที่เราแนะนำให้รีดผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ก่อนนำไปซัก เพื่อฆ่าไรฝุ่นก่อนนำไปชะล้างด้วยการซักอีกรอบ ย่อมดีกว่าฆ่ามันด้วยการซักผงซักฟอกแล้วให้มันเหลือซากติดทิ้งไว้ตามเนื้อใยผ้า เพราะซากของมันคือสารก่อภูมิแพ้ตัวดีเลย อีกทั้งซากไรฝุ่นที่ตายหลังผ่านการซักด้วยน้ำยาซักผ้าหลุดปลิวง่ายกว่าตอนมันมีชีวิตเสียอีก 

3. หมั่นดูดฝุ่นหรือทำความสะอาดห้องนอนเป็นประจำ

เมื่อจะทำความสะอาดบริเวณที่มีฝุ่น ไม่ควรใช้ไม้กวาดหรือไม้ขนไก่ปัดกวาดฝุ่นให้ฟุ้งกระจาย แต่ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดบริเวณดังกล่าวเพื่อให้ฝุ่นเกาะติดกับผ้าเปียก และกันกระจายตัวของฝุ่น แต่ถ้ามีเครื่องดูดฝุ่น ควรเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มี HEPA Filter เพราะสามารถดูดและกรองไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรปัดที่นอนทุกครั้งก่อนนอนและหลังจากลุกที่นอน เพราะเศษผิวหนังของเราที่หล่นร่วงบนที่นอน เป็นอาหารชั้นดีให้กับไรฝุ่นกว่า 1 ล้านตัว ไปได้นานเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว 

4. ระวังหรือหมั่นทำความสะอาดหากมีสัตว์เลี้ยงนอนร่วมเตียง 

กรณีที่มักจะมีสัตว์เลี้ยงขึ้นนอนเตียงเดียวกับคุณ หรือใครที่มักนำสัตว์เลี้ยงนอนร่วมเตียงนอน ควรยิ่งต้องทำความสะอาดให้มากกว่าเดิมหลายเท่า เพราะถึงแม้ว่าอาหารชั้นดีของไรฝุ่นคือเศษผิวหนังของคน แต่อาหารชั้นเลิศยิ่งกว่า คือ เศษผิวหนังหรือรังแคจากบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่าไม่ขยันทำความสะอาดที่นอนเท่าไรนัก อาจต้องคิดให้ดีในการที่จะนำสัตว์เลี้ยงขึ้นที่นอนแล้วล่ะ 

5. ลดที่อยู่หลบซ่อนของไรฝุ่นลง 

นอกจากอุปกรณ์เครื่องนอนอย่างหมอนหนุน ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ก็ควรลดสิ่งที่จะเป็นบ้านให้ไรฝุ่นอยู่อาศัยลงให้มากที่สุด เช่น ตุ๊กตา ผ้าม่าน พรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นที่โปรดปรานของไรฝุ่นทั้งสิ้น และยังยากต่อการทำความสะอาดอีกด้วย ดังนั้นควรลดสิ่งไม่จำเป็นเหล่านี้ออกให้มากที่สุด เพื่อปกป้องสุขภาพของตนเอง